Somporn's Blogs: พฤศจิกายน 2016

เดือนเมษายน 2559 อากาศในประเทศไทยร้อนมาก จ.ลำปาง อุณหภูมิสูงถึง 42 องศา พืชผักผลไม้ เหี่ยวเฉาตายไปเยอะ เหลือบไปเห็นต้นกล้วยหอมทองหลังบ้านที่เกือบจะตายเนื่องจากภัยแล้งและความร้อน จึงแยกออกมาปลูกใหม่ 1 ต้น และดูแลบำรุงรักษาใส่ปุ๋ยขี้ค้างคาวจากหลังคาบ้านป้าเหรียญ ใส่ปุ๋ยขี้ไก่ชนลุงนุ และฝังเศษพืชผักผลไม้ที่เหลือจากที่เรากินรอบๆต้นหมั่นให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นเมื่อขุดดินลงไปจะเจอไส้เดือนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งต้นกล้วยเริ่มโตและเริ่มมีหน่อ จึงค่อยๆย้ายหน่อกล้วยไปปลูกบ้าง ตัดออกบ้างส่วนที่เหลือก็ปล่อยไว้ให้โตบ้าง จนกระทั่งวันที่ 8 กันยายน 2559 สังเกตุเห็นดอกกล้วยหรือปลีออกมาที่ปลายยอด ก่อนปลีจะออกจะมีใบสั้นๆออกมาก่อน เขาเรียกว่าใบธง ออกลูกได้ประมาณ 4 หวี ส่วนหวีที่ 5 ใช้ไม่ได้เนื่องจากลูกออกมาไม่สม่ำเสมอกัน เขาเรียกหวีตีนเต่า ให้เด็ดลูกเล็กออกเหลือลูกใหญ่ไว้สัก 1 ลูกก็พอเพื่อป้องกันปลายเครือเน่า และให้เด็ดหนวด น่าจะคล้ายๆเกษรนะที่ปลายแต่ละลูกออกเพื่อป้องกันการสะสมของแมลงต่าๆ หลังจากนั้นจึงตัดปลีออก เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 (นับจากออกปลีประมาณ 11 วัน) หลังจากตัดปลีออกแล้วจะต้องห่อเครือป้องกันแสงแดดและแมลงรบกวนภายใน 14 วัน โดยใช้พลาสติกสีฟ้า แต่เราห่อวันที่ 24 กันยายน 2559 (นับจากออกปลีประมาณ 5 วัน ไม่แน่ใจว่าห่อเร็วเกินไปมั้ยผิวกล้วยบางส่วนมีลายจุดดำๆบ้างแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด) หลังจากตัดปลีแล้วนับไปอีก 67 วัน (26 พฤศจิกายน 2559)

ก็สามารถตัดกล้วยได้ และเมื่อเปิดถุงห่อออกมา ไม่น่าเชื่อลูกมันใหญ่มากๆ ไม่เชื่อดูตามรูป มันสุดยอดครับ
ชั่งน้ำหนักหวีใหญ่ 2.3 กก./หวี ความยาวต่อลูก 8 นิ้ว เส้นรอบวง ุ6 นิ้ว หวีใหญ่ 12 ลูก/หวี มี 3 หวี ส่วนหวีเล็กสุด 1.5 กก./หวี หวีเล็ก 10 ลูก/หวี มี 1 หวี
นำกล้วยไปใส่กล่องโฟมและจุดธูปสัก 1 ดอกปักไว้ในกล่องโฟมให้ก้านธูปต่ำกว่าฝาปิดเดี๋ยวไฟจะไหม้กล่องโฟมและปิดฝากล่องโฟม หากระดาษหนังสือพิมพิ์เก่าๆมาปกปิดไว้และหาของหนักๆมาทับไว้ ขั้นตอนนี้ต้องระวังเดี๋ยวเกิดเพลิงไหม้ยุ่งแน่เลยนะครับ การบ่มให้สุกใช้ระยะเวลาประมาณ 24-72 ชั่วโมง เปิดออกมาจะได้กลิ่นหอม เอามือบีบลูกกล้วยจะอ่อน ก็สามารถนำออกมาวางไว้ด้านนอกและรอให้สุกเองพร้อมกินได้เลยครับ