ประสพการณ์ การเดินทางไปประเทศนิวซีแลนด์
ระหว่างวันที่ 16-20
ตุลาคม 2555
ออกเดินทางจากประเทศไทยวันที่ 16 ตุลาคม 2555 เวลา 15.30 น. และไปต่อเครื่องบินที่ประเทศสิงค์โปร์และเดินทางต่อไปถึงประเทศนิวซีแลนด์ เมืองไคร์เชริทส์ เวลาประมาณ 10.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12-13 ชั่วโมง
ระหว่างอยู่ที่นั้น อุณหภูมิประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส อากาศสบายๆ ใส่เสื้อกันหนาว ใส่หมวกไหมพรมก็พอ แต่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แดดดออก ฝนตก มีลมพดแรงสลับกันไป อัตราแลกเงิน 1 เหรียญนิวซีแลนด์=ประมาณ 25 บาทไทย (แนะนำให้ไปแลกเงินแถวประดิพัทธ์ สะพานควาย กรุงเทพ เนื่องจากอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่าง ซื้อและขายไม่แตกต่างกันมาก ถ้าไปซื้อที่สนามบินอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่าง ซื้อและขายจะแตกต่างกันมาก ทำให้เมื่อเราแลกคืนจะขาดทุนเยอะ และเงินเหรียญถ้าไม่จำเป็นอย่าเอากลับมาเพราะแลกเป็นเงินไทยไม่ได้ราคาครับ)
เดินทางกลับออกจากประเทศนิวซีแลนด์ เมืองไคร์เชริทส์ วันที่ 20 ตุลาคม 2555 เวลา 11.50 น. ถึงประเทศไทยประมาณ 20.00 น. เวลาที่ประเทศนิวซีแลนด์ ช่วงที่ผมไปเร็วกว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ส่วนเวลาที่ประเทศสิงคโปร์เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
การกรอกเอกสารต่างๆ
1.กรอกเอกสารก่อนตรวจคนออกเมืองที่ประเทศไทย จำนวน 2 ใบ (ใบขาออกและใบขาเข้า)
ใบแรกขาออก ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะเก็บไว้เราต้องยืนพร้อม PASSPORT&VISA ก่อนที่จะออกประเทศและจะเย็บใบขาเข้าติดกับ PASSPORT ป้องกันหายไม่ต้องกรอกใหม่ เพื่อจะต้องมายื่นใหม่เมื่อกลับเข้ามาที่ประเทศไทย
2.กรอกเอกสารก่อนลงเครื่องบินเพื่อเตรียมยืนให้ตรวจคนเข้าเมืองที่ไคร์เชริทส์ จำนวน 1 ชุด
3.กรอกเอกสารก่อนออกเมืองที่ไคร์เชริทส์ จำนวน 1 ชุด
4.ใช้เอกสารครั้งแรกที่เรากรอกไว้และเย็บติดกับ PASSPORT ยื่นให้ตรวจคนเข้าเมืองไทย
กระเป๋าเดินทางโหลดใต้ท้องเครื่องบินน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม
อย่านำของที่เป็นโลหะติดตัวขึ้นเครื่อง เพราะต้องตรวจทุกด่านเครื่องตรวจจะตรวจเจอและต้องแสกนอย่างละเอียดอีกครั้งเสียเวลา
การเข้าประเทศนิวซีแลนด์ ตรวจคนเข้าเมืองจะถามว่ามาทำอะไร พักที่ไหน ให้เตรียมหลักฐานเช่นใบรับเชิญจาก Aucom Electric ไปด้วย
การเดินทางจากสนามบินเข้าที่พักจะมีแท็กซี่ ราคา 45 เหรียญ
รถ RED BUS ราคา 7 เหรียญ แต่ต้องเดินเข้าที่พักไม่สะดวกเท่าแท็กซี่
ที่พัก Ibit Hotel จะต้องรูดบัตรเครดิสไว้เพื่อประกันของเสียหายคืนละ 50 เหรียญ ถ้า 3 คืนเท่ากับ 150 เหรียญ ถ้าไม่มีอะไรเสียหายขอคืนด้วยอย่าลืม
สถานที่รับประทานอาหารที่พัก Ibit Hotel มีร้านอาหารไว้บริการที่ชั้น1
อาหารเช้า 22.5 เหรียญ/คน ราคาเฉพาะแขกที่เข้าพัก ถ้าเป็นคนนอกจะแพงกว่านี้
สถานที่ท่องเที่ยวมีหลายแห่งแต่ที่ไคร์เชริทส์เกิดแผ่นดินไหว เมื่อ 27 กพ.54 เกิดความเสียหายมาก แหล่งท่อเที่ยวสำคัญๆไม่สามารถเข้าชมได้
ห้างสรรพสินค้ามีที่รับประทานอาหารอย่าลืมเช็คเวลาปิดด้วยเพราะว่าที่นั้นจะมืดประมาณ 2 ทุ่ม
สถานที่ดังนี้ WESTFIELD, SOUTH CITY, PAK'N SAVE
Internet ที่โรงแรมใช้ครั้งละครึ่งชั่วโมง ไม่สามารถใช้ภาษาไทยได้ เฟสบุคที่โรงแรมใช้ไม่ได้แต่ที่สนามบินใช้ได้ไม่รู้ว่าทำไมเป็นงั้น
เตรียมตัวกลับเวลา 08.00 น.
เช็คเอาว์ ออกจาก โรงแรม Ibit
อย่าลืมขอใบเสร็จของเครดิสการด์ที่เรารูดไว้ประกันค่าความเสียหาย คืนละ 150 เหรียญ/คน(3 คืนๆละ 50
เหรียญ) และให้พนักงานเรียกแท็กซี่ให้ ค่าโดยสาร 35 เหรียญ
หลังจากนั้นไม่นานคนขับรถแท็กซีจะจอดรถไว้หน้าที่พักและเดินเข้ามารับเราไปส่งที่สนามบินไคร์เชริทส์
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นต้องไปที่ช่องเช็คตั๋วและโหลดกระเป๋าลงใต้ท้องเครื่อง
ช่อง C ให้สังเกตุดูว่าจะเป็นป้ายของสายการบินของสิงค์โปร์แอร์ไลน์
ช่อง Online เพราะเรายังไม่มีตั๋วแต่เราจองไว้แล้ว
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะออกตั๋วให้และชั่งน้ำหนักกระเป๋า ของครูใหญ่น้ำหนัก 23
กก.แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังอนุญาติให้ผ่าน
เพราะว่าน้ำหนักบางคนก็ไม่ถึง 20 กก.เป็นการเฉลี่ยน้ำหนัก
หลังจากนั้นพวกเราจึงพากันไปกินอาหารเช้าที่สนามบิน กินแฮมเบอร์เกอร์ เฟรนสฟรายส์และโค๊ก
ที่ร้านสามารถต่อ Internet Wi-Fi ได้ฟรี ดีจริงๆ เฉพาะบริเวณสนามบินเท่านั้นนะครับ เมื่อกินอาหารเช้าอิ่มหน่ำสำราญแล้วจึงเดินหาซื้อของฝากที่สนามบิน
ไปเจอร้านที่ขายของที่ระลึกที่พนักงานขายเป็นคนไทยออกมาต้อนรับโดยพูดภาษาไทยต้อนรับ
พวกเราตกใจมาก ตั้งแต่มาที่นิวซีแลนด์ยังไม่เคยเจอคนไทยเลย..
จึงรีบซื้อของฝากให้ลูกๆหลานๆ ผมซื้อแกะมา 4 ตัวๆละ 12.5 เหรียญ ส่วนครูใหญ่ซื้อครีมลกแกะ
มาฝากแม่บ้าน ปกติของเหลวจะไม่ให้ขึ้นเครื่องจึงต้องให้น้องที่เป็นขายให้นำไปส่งที่จุดตรวจของ
ร้านนี้เมื่อซื้อเกิน 50 เหรียญ จะลดราคาให้ 15 % ถ้าเราซื้อน้อยก็รวมกันและมาแบ่งกันที่เมืองไทยก็ได้ไม่ว่ากัน
และน้องคนขายยังบริการให้เราซื้อด้วยเงินเหรียญด้วยเพราะว่าถ้ามาเมืองไทยเงินเหรียญจะสามารถแรกได้นิดเดียว
ส่วนมากจะไม่แรกคืนเพราะเสียเปรียบเยอะ เมื่อซื้อของเสร็จพวกเราจึงเดินไปที่จุดตรวจคนออกจากเมือง
โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจและให้เรากรอกแบบฟอร์ม และยื่นให้เจ้าหน้าที่ๆ
จะประทับตราให้ถ้าถูกต้อง หลังจากนั้นพวกเราจะต้องไปเข้าเครื่องแสกนตรวจสิ่งต้องห้าม
ให้เราถอดเข็มขัด กระเป๋าสตางค์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เสื้อเจ็คเก็ตออก
และเดินผ่านเข้าเครื่องแสกน ถ้าเดินผ่านแล้วไม่มีเสียแสดงว่าสามารถเดินผ่านได้
แต่ถ้ามีเสียงดัง ติ๊ดๆ แสดงว่าเราผิดปกติเจ้าหน้าที่จะเชิญเรามาตรวจละเอียดอีกครั้ง
ถ้าไม่มีสิ่งต้องห้ามเจ้าหน้าที่ก็ให้ผ่าน โดยเราจะต้องเดินไปที่ประตูทางออกโดยแสดงใบพาสปอร์ทและตั๋วเดินทางให้เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คก่อนให้เรียบร้อย
จึงเดินทางขึ้นเครื่องบินตามที่นั่นของเรา เลขที่นั่งสังเกตุที่เก็บของจะบอกไว้และเดินทางกลับบ้านเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น