วันที่ 2 กรกฎาคม 2555 ที่ SWITCHGEAR No.2
วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
การทดสอบแบตเตอรี่
การทดสอบแบตเตอรี่ Nickel Cadmium Battery ยี่ห้อ HOPPECKE FNC VR
222L
1.แบตเตอรี่ใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการใช้งาน
ก่อนนำมาใช้งานจะต้องชาร์ท แบบ EQUALIZER 24 ชั่วโมง
2.ในขณะที่ชาร์ทแบตเตอรี่ จะเกิดความร้อน ให้เปิดฝาที่เติมน้ำกรดออกทุกเซล
3.เมื่อชาร์ท 24 ชั่วโมงผ่านไป ให้ทำการปลดระบบชาร์ทออก และทดสอบประสิทธิภาพของแบตเตอรี่
ตามมาตรฐาน เมื่อจ่ายโหลดที่กระแส 44 A.(ตามตารางผู้ผลิต)
ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง
แรงดันไฟฟ้าตกร่อมที่แต่ละเซลจะต้องไม่น้อยกว่า 1 โวลท์
จะถือว่าผ่านการทดสอบ
วิธีการทดสอบ
1.ทำให้แบตเตอรี่จ่ายโหลด โดยต่อค่าความต้านทานที่ปรับค่าได้ต่อเข้ากับแบเตอรี่และค่อยๆเพิ่มโหลดเป็นลำดับจนกว่าจะวัดกระแสได้
44 A.และเริ่มจับเวลา หลังจากนั้นวัดค่าแรงดันตกคร่อมที่ขั้วแบเตอรี่แต่ละลูก
จำนวน 40 ลูก และบันทึกผลการวัดครั้งที่ 1 (แรงดันเริ่มต้น)
2. เมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ให้ทำการวัดแรงดัน
ในชั่วโมงแรก และบันทึกผลการวัดลงตาราง ครั้งที่2
3. เมื่อเวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง ให้ทำการวัดแรงดัน
ในชั่วโมงที่2 และบันทึกผลการวัดลงตาราง ครั้งที่3
4. เมื่อเวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง ให้ทำการวัดแรงดัน
ในชั่วโมงที่3 และบันทึกผลการวัดลงตาราง ครั้งที่4
5. เมื่อเวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง ให้ทำการวัดแรงดัน
ในชั่วโมงที่4 และบันทึกผลการวัดลงตาราง ครั้งที่5
6. เมื่อเวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง ให้ทำการวัดแรงดัน
ในชั่วโมงที่5 และบันทึกผลการวัดลงตาราง ครั้งที่6
การพิจารณา ผ่าน/ไม่ผ่านการทดสอบ
ขณะที่ทำการจดค่าแรงดันให้สังเกตุดูว่าแรงดันตกคร่อมแบตเตอรี่แต่ละเซลต้องไม่น้อยกว่า
1 โวลท์
แต่ถ้าเกิดแรงดันของแบตเตอรี่ลูกใดลูกหนึ่งต่ำกว่า 1 โวลท์
จะถือว่าไม่ผ่านให้เริ่มดำเนินการทดสอบใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
การบำรุงรักษา
กรณีที่ระบบไฟฟ้าปกติและแบตเตอรี่ไม่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้า ควรชาร์ท แบบ EQUALIZER ทุก 6 เดือน เพื่อกระตุ้นแบตเตอรี่ โดยทำการกดที่ปุ่ม EQUALIZER ที่หน้าตู้
เครื่องชาร์ทจะทำการชาร์ทแบบ EQUALIZER ไป 8 ชั่วโมง
และจะกลับไปที่ตำแหน่ง Float charge ตามปกติ
แต่ถ้าต้องการชาร์ทแบบ EQUALIZER
เกินกว่า 8 ชั่วโมงให้ทำการเปิดตู้ออกและไป ปรับที่แผงบอร์ดและ
DIP SWITCH ไปที่ตำแหน่ง EQUALIZER
ตามเวลาที่เราต้องการ
1.แบตเตอรี่ใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการใช้งาน
ก่อนนำมาใช้งานจะต้องชาร์ท แบบ EQUALIZER 24 ชั่วโมง
2.ในขณะที่ชาร์ทแบตเตอรี่ จะเกิดความร้อน ให้เปิดฝาที่เติมน้ำกรดออกทุกเซล
3.เมื่อชาร์ท 24 ชั่วโมงผ่านไป ให้ทำการปลดระบบชาร์ทออก และทดสอบประสิทธิภาพของแบตเตอรี่
ตามมาตรฐาน เมื่อจ่ายโหลดที่กระแส 44 A.(ตามตารางผู้ผลิต)
ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง
แรงดันไฟฟ้าตกร่อมที่แต่ละเซลจะต้องไม่น้อยกว่า 1 โวลท์
จะถือว่าผ่านการทดสอบ
วิธีการทดสอบ
1.ทำให้แบตเตอรี่จ่ายโหลด โดยต่อค่าความต้านทานที่ปรับค่าได้ต่อเข้ากับแบเตอรี่และค่อยๆเพิ่มโหลดเป็นลำดับจนกว่าจะวัดกระแสได้
44 A.และเริ่มจับเวลา หลังจากนั้นวัดค่าแรงดันตกคร่อมที่ขั้วแบเตอรี่แต่ละลูก
จำนวน 40 ลูก และบันทึกผลการวัดครั้งที่ 1 (แรงดันเริ่มต้น)
2. เมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ให้ทำการวัดแรงดัน
ในชั่วโมงแรก และบันทึกผลการวัดลงตาราง ครั้งที่2
3. เมื่อเวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง ให้ทำการวัดแรงดัน
ในชั่วโมงที่2 และบันทึกผลการวัดลงตาราง ครั้งที่3
4. เมื่อเวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง ให้ทำการวัดแรงดัน
ในชั่วโมงที่3 และบันทึกผลการวัดลงตาราง ครั้งที่4
5. เมื่อเวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง ให้ทำการวัดแรงดัน
ในชั่วโมงที่4 และบันทึกผลการวัดลงตาราง ครั้งที่5
6. เมื่อเวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง ให้ทำการวัดแรงดัน
ในชั่วโมงที่5 และบันทึกผลการวัดลงตาราง ครั้งที่6
การพิจารณา ผ่าน/ไม่ผ่านการทดสอบ
ขณะที่ทำการจดค่าแรงดันให้สังเกตุดูว่าแรงดันตกคร่อมแบตเตอรี่แต่ละเซลต้องไม่น้อยกว่า
1 โวลท์
แต่ถ้าเกิดแรงดันของแบตเตอรี่ลูกใดลูกหนึ่งต่ำกว่า 1 โวลท์
จะถือว่าไม่ผ่านให้เริ่มดำเนินการทดสอบใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
การบำรุงรักษา
กรณีที่ระบบไฟฟ้าปกติและแบตเตอรี่ไม่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้า ควรชาร์ท แบบ EQUALIZER ทุก 6 เดือน เพื่อกระตุ้นแบตเตอรี่ โดยทำการกดที่ปุ่ม EQUALIZER ที่หน้าตู้
เครื่องชาร์ทจะทำการชาร์ทแบบ EQUALIZER ไป 8 ชั่วโมง
และจะกลับไปที่ตำแหน่ง Float charge ตามปกติ
แต่ถ้าต้องการชาร์ทแบบ EQUALIZER
เกินกว่า 8 ชั่วโมงให้ทำการเปิดตู้ออกและไป ปรับที่แผงบอร์ดและ
DIP SWITCH ไปที่ตำแหน่ง EQUALIZER
ตามเวลาที่เราต้องการ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น